ทำได้จริง! "1 ไร่ 1 แสน" โครงการดีๆที่คนไทยควรรู้ ##
ภูมิปัญญาไทย ทำนา 1 ไร่ ได้เงิน 1 แสน
.
เมื่อก่อนหากได้ยินใครพูดถึงการทำนา 1 ไร่ ให้ได้เงิน 1 แสน ผมมักจะนึกว่ามันเป็นเรื่องของเทคนิคการปลูกข้าวอย่างไรให้ได้ผลผลิตต่อไร่สูง และเป็นเรื่องของเทคโนโลยีการเกษตรขั้นสูงที่เกษตรกรทั่วไปคงไม่สามารถทำตามได้ง่ายๆ และอาจจะต้องมีต้นทุนทางการผลิตที่สูงกว่าการทำนาแบบเดิมๆของเกษตรกร
.
.
ผมได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมแปลงนาสาธิตมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ตำบลบางตะไนย์ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ซึ่งจากการเยี่ยมชมครั้งนี้ก็ได้พี่ๆเกษตรกรในโครงการพาเยี่ยมชมแปลงนาที่ตัวเองดูแล โดยผู้เข้าร่วมโครงการแต่ละคนจะได้รับมอบพื้นที่เพื่อการศึกษาทดลองคนละ 1 ไร่จริงๆ และทำโครงการของตนเองตามแนวทางที่ได้รับการอบรมจากทางศูนย์ฯ ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับเงินสนับสนุนโครงการสูงสุดถึงห้าหมื่นบาทต่อไร่ และกำไรที่ได้จากการขายผลผลิตก็สามารถนำมาคืนเงินสนับสนุนโครงการในภายหลัง

ถ้าเห็นว่าเรื่องนี้มีประโยชน์ต่อเกษตรกรหรือท่านอื่น ฝากแชร์ต่อด้วยนะครับ
ในปี 2555 สภาหอการค้าไทยและมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีการต่อยอดและขยายโครงการเพื่อสร้างต้นแบบเกษตรกรจึงเกิดโครงการ “แก้จน แก้จริง ปฏิบัติการ 1 ไร่ ได้เงิน 1 แสนบาท” โดยหอการค้าไทย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรบนพื้นที่ 100 ไร่
.
“ทำนา 1 ไร่ ได้เงิน 1แสน ไม่ใช่แค่การทำนา”
หัวใจของการทำนา 1 ไร่ ได้เงิน 1 แสน คือการใช้ประโยชน์พื้นที่ 1 ไร่ในการสร้างรายได้จากการทำกิจกรรม 3 ด้านด้วยกัน
1. ด้านกสิกรรม ได้แก่การทำนา การปลูกพืชผักสวนครัว การปลูกพืชไร่
2. ด้านประมง ได้แก่การเลี้ยงปลาดุก ปลานิล กุ้งฝอย หอยขม
3. ด้านปศุสัตว์ ได้แก่การเลี้ยงเป็ดไข่
ซึ่งกิจกรรมทั้ง 3 ด้านจะมีความผสมผสานและเกื้อกูลกัน ทำให้เกิดการลดต้นทุนในกระบวนการผลิตโดยรวม
.



โดยแปลงนขนาด 1 ไร่ แบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วนคือ
ส่วนที่ 1 คันนา กว้าง 1.5 เมตร สำหรับปลูกพืชผักสวนครัว และพืชไร่ รวมทั้งสมุนไพรกำจัดศัตรูพืช
ส่วนที่ 2 ร่องน้ำ สำหรับทำประมง ซึ่งมูลสัตว์ก็จะเป็นปุ๋ยแก่ข้าวในนา
ส่วนที่ 3 พื้นที่สำหรับปลูกข้าว
ส่วนที่ 4 พื้นที่เลี้ยงเป็ดไข่ ซึ่งเป็ดจะถูกปล่อยไปหาอาหารในแปลงนาได้
.





.
มาถึงตรงนี้ผมพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมทำนา 1 ไร่ ได้เงิน 1 แสน เพราะนี่ไม่ใช่แค่การทำนา แต่มันคือการทำเกษตรแบบครบวงจรบนพื้นที่ทุกๆตารางเมตรด้วยความประณีตและเป็นเกษตรอินทรีย์ ทำให้นา 1 ไร่มีผลิตออกมาจำหน่ายอยู่สม่ำเสมอ
.

.
เกษตรกรที่มาเข้าร่วมโครงการเรียกตัวเองว่าเป็นเกษตรกรพันธุ์ใหม่ครับ แต่หลังจากจบการอบรมออกไปพวกเขาจะได้ชื่อว่าเป็น “ชาวนาอัจฉริยะ” โดยส่วนมากทุกคนมีที่ดินทำเกษตรของตัวเองอยู่แล้ว แต่มาเข้าร่วมโครงการเพื่อเอาความรู้ใหม่ๆไปพัฒนาพื้นที่ทำกินของตัวเอง
.
“พี่สาน” เล่าให้ฟังว่า ตัวเองมาจากจังหวัดชัยภูมิ เข้ามาร่วมโครงการได้ประมาณ 3 เดือน ช่วงแรกที่เข้ามาในโครงการก็เริ่มจากการปรับปรุงที่พัก และทำความสะอาดร่องน้ำ บังเอิญพลาดท่าเหยีบตะปูเข้าไปเลยต้องหยุดงานไปหลายวัน ปัจจุบันกำลังหมักน้ำในร่องน้ำเพื่อให้เกิดแพลงค์ตอนและจะได้ปล่อยพันธุ์ปลา และทำนาในอันดับต่อไป บนคันนาก็กำลังหมักดินเพื่อให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ก่อนจะปลูกผักสวนครัว โดยการหมักน้ำและหมักดินก็มี น้ำสรรพสิ่ง และ ก้อนสรรพสิ่ง เป็นหัวใจหลัก ซึ่ง “สรรพสิ่ง” ก็คือจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ที่ทางโครงการคิดค้นขึ้นมาเพื่อใช้งานในการหมักต่างๆ และเป็นหัวใจสำคัญในการทำเกษตรวิธีนี้เลยครับ
.



.
“พี่นาจ” มาจากจังหวัดชัยนาท ทำเกษตรแบบเดิมมานมนานเลยต้องการหาความรู้ใหม่ๆมาใช้ทำเกษตรที่บ้านตัวเอง “พี่นาจค้นหาแนวทางการทำเกษตรจากอินเตอร์เน็ต แกตื่นเต้นและดีใจมากที่ได้เจอแนวทางการทำเกษตรหนึ่งไร่ได้เงินหนึ่งแสนในยูทูป” และไม่ลังเลที่จะตัดสินในติดต่อโครงการเพื่อขอเข้าอบรม
.


“ทำนา 1 ไร่ ได้เงิน 1 แสน” เป็นโครงการที่มุ่งส่งเสริมการพึ่งพาตนเองของเกษตรกร และช่วยแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำของการกระจายรายได้ และการพึ่งพาตัวเองได้ของเกษตรกรนำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรายได้เพียงพอ มีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดี สอดคล้องกับแนวทาง “เศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งเป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงชี้แนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน ถึงระดับรัฐ
น่าเสียดายที่เกษตรกรยังไม่ค่อยรู้จักโครงการดีๆแบบนี้ ผมอยากขอเชิญชวนเกษตรกรที่อยากพัฒนาองค์ความรู้ทางการเกษตร เพิ่มผลผลิตจากการทำเกษตรกรรมของตัวเอง มาเข้าร่วมโครงการกันนะครับ
.


.
เมื่อก่อนหากได้ยินใครพูดถึงการทำนา 1 ไร่ ให้ได้เงิน 1 แสน ผมมักจะนึกว่ามันเป็นเรื่องของเทคนิคการปลูกข้าวอย่างไรให้ได้ผลผลิตต่อไร่สูง และเป็นเรื่องของเทคโนโลยีการเกษตรขั้นสูงที่เกษตรกรทั่วไปคงไม่สามารถทำตามได้ง่ายๆ และอาจจะต้องมีต้นทุนทางการผลิตที่สูงกว่าการทำนาแบบเดิมๆของเกษตรกร
.
.
ผมได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมแปลงนาสาธิตมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ตำบลบางตะไนย์ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ซึ่งจากการเยี่ยมชมครั้งนี้ก็ได้พี่ๆเกษตรกรในโครงการพาเยี่ยมชมแปลงนาที่ตัวเองดูแล โดยผู้เข้าร่วมโครงการแต่ละคนจะได้รับมอบพื้นที่เพื่อการศึกษาทดลองคนละ 1 ไร่จริงๆ และทำโครงการของตนเองตามแนวทางที่ได้รับการอบรมจากทางศูนย์ฯ ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับเงินสนับสนุนโครงการสูงสุดถึงห้าหมื่นบาทต่อไร่ และกำไรที่ได้จากการขายผลผลิตก็สามารถนำมาคืนเงินสนับสนุนโครงการในภายหลัง
ในปี 2555 สภาหอการค้าไทยและมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีการต่อยอดและขยายโครงการเพื่อสร้างต้นแบบเกษตรกรจึงเกิดโครงการ “แก้จน แก้จริง ปฏิบัติการ 1 ไร่ ได้เงิน 1 แสนบาท” โดยหอการค้าไทย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรบนพื้นที่ 100 ไร่
.
“ทำนา 1 ไร่ ได้เงิน 1แสน ไม่ใช่แค่การทำนา”
หัวใจของการทำนา 1 ไร่ ได้เงิน 1 แสน คือการใช้ประโยชน์พื้นที่ 1 ไร่ในการสร้างรายได้จากการทำกิจกรรม 3 ด้านด้วยกัน
1. ด้านกสิกรรม ได้แก่การทำนา การปลูกพืชผักสวนครัว การปลูกพืชไร่
2. ด้านประมง ได้แก่การเลี้ยงปลาดุก ปลานิล กุ้งฝอย หอยขม
3. ด้านปศุสัตว์ ได้แก่การเลี้ยงเป็ดไข่
ซึ่งกิจกรรมทั้ง 3 ด้านจะมีความผสมผสานและเกื้อกูลกัน ทำให้เกิดการลดต้นทุนในกระบวนการผลิตโดยรวม
.
โดยแปลงนขนาด 1 ไร่ แบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วนคือ
ส่วนที่ 1 คันนา กว้าง 1.5 เมตร สำหรับปลูกพืชผักสวนครัว และพืชไร่ รวมทั้งสมุนไพรกำจัดศัตรูพืช
ส่วนที่ 2 ร่องน้ำ สำหรับทำประมง ซึ่งมูลสัตว์ก็จะเป็นปุ๋ยแก่ข้าวในนา
ส่วนที่ 3 พื้นที่สำหรับปลูกข้าว
ส่วนที่ 4 พื้นที่เลี้ยงเป็ดไข่ ซึ่งเป็ดจะถูกปล่อยไปหาอาหารในแปลงนาได้
.
.
มาถึงตรงนี้ผมพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมทำนา 1 ไร่ ได้เงิน 1 แสน เพราะนี่ไม่ใช่แค่การทำนา แต่มันคือการทำเกษตรแบบครบวงจรบนพื้นที่ทุกๆตารางเมตรด้วยความประณีตและเป็นเกษตรอินทรีย์ ทำให้นา 1 ไร่มีผลิตออกมาจำหน่ายอยู่สม่ำเสมอ
.
.
เกษตรกรที่มาเข้าร่วมโครงการเรียกตัวเองว่าเป็นเกษตรกรพันธุ์ใหม่ครับ แต่หลังจากจบการอบรมออกไปพวกเขาจะได้ชื่อว่าเป็น “ชาวนาอัจฉริยะ” โดยส่วนมากทุกคนมีที่ดินทำเกษตรของตัวเองอยู่แล้ว แต่มาเข้าร่วมโครงการเพื่อเอาความรู้ใหม่ๆไปพัฒนาพื้นที่ทำกินของตัวเอง
.
“พี่สาน” เล่าให้ฟังว่า ตัวเองมาจากจังหวัดชัยภูมิ เข้ามาร่วมโครงการได้ประมาณ 3 เดือน ช่วงแรกที่เข้ามาในโครงการก็เริ่มจากการปรับปรุงที่พัก และทำความสะอาดร่องน้ำ บังเอิญพลาดท่าเหยีบตะปูเข้าไปเลยต้องหยุดงานไปหลายวัน ปัจจุบันกำลังหมักน้ำในร่องน้ำเพื่อให้เกิดแพลงค์ตอนและจะได้ปล่อยพันธุ์ปลา และทำนาในอันดับต่อไป บนคันนาก็กำลังหมักดินเพื่อให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ก่อนจะปลูกผักสวนครัว โดยการหมักน้ำและหมักดินก็มี น้ำสรรพสิ่ง และ ก้อนสรรพสิ่ง เป็นหัวใจหลัก ซึ่ง “สรรพสิ่ง” ก็คือจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ที่ทางโครงการคิดค้นขึ้นมาเพื่อใช้งานในการหมักต่างๆ และเป็นหัวใจสำคัญในการทำเกษตรวิธีนี้เลยครับ
.
.
“พี่นาจ” มาจากจังหวัดชัยนาท ทำเกษตรแบบเดิมมานมนานเลยต้องการหาความรู้ใหม่ๆมาใช้ทำเกษตรที่บ้านตัวเอง “พี่นาจค้นหาแนวทางการทำเกษตรจากอินเตอร์เน็ต แกตื่นเต้นและดีใจมากที่ได้เจอแนวทางการทำเกษตรหนึ่งไร่ได้เงินหนึ่งแสนในยูทูป” และไม่ลังเลที่จะตัดสินในติดต่อโครงการเพื่อขอเข้าอบรม
.
“ทำนา 1 ไร่ ได้เงิน 1 แสน” เป็นโครงการที่มุ่งส่งเสริมการพึ่งพาตนเองของเกษตรกร และช่วยแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำของการกระจายรายได้ และการพึ่งพาตัวเองได้ของเกษตรกรนำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรายได้เพียงพอ มีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดี สอดคล้องกับแนวทาง “เศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งเป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงชี้แนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน ถึงระดับรัฐ
น่าเสียดายที่เกษตรกรยังไม่ค่อยรู้จักโครงการดีๆแบบนี้ ผมอยากขอเชิญชวนเกษตรกรที่อยากพัฒนาองค์ความรู้ทางการเกษตร เพิ่มผลผลิตจากการทำเกษตรกรรมของตัวเอง มาเข้าร่วมโครงการกันนะครับ
.
เว็บไซต์โครงการ http://www.thaichamber.org/scripts/oneevent.asp
สนใจเข้าร่วมโครงการ http://www.thaichamber.org/scripts/detail.asp?nNEWSID=1261
สนใจเข้าร่วมโครงการ http://www.thaichamber.org/scripts/detail.asp?nNEWSID=1261
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น